Horse Boarding กีฬาขี่ม้าพาล่องสเก็ต

Horse Boarding หรือเรียกว่าขี่ม้าพาล่องสเก็ต เป็นกีฬาแปลกๆ ที่ผสมผสานกันของการขี่ม้ากับการเล่นสเก็ตบอร์ด ซึ่งเป็นการแข่งขันที่เกิดขึ้นจริง และมีการชิงแชมป์กันมาแล้วนับไม่ถ้วนเลยล่ะ ผมเป็นคนหนึ่งที่มองว่ามันเป็นกีฬาที่สนุกไม่น้อยหน้ากีฬาชนิดไหนเลยนะ เพราะเป็นกีฬาที่แหวกแนวจากการเล่นแบบอื่นๆ ไปอย่างสิ้นเชิง ต้องใช้ความเร็วที่เหมาะสมพอดี และมีความผาดโผนอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ
ม้าพาล่องสเก็ตสนุกแค่ไหนเชียว

Horse จุดเริ่มต้นความสนุกของกีฬาม้าพาล่องสเก็ตมาจาก Daniel Fowler-Prime ผู้เชี่ยวชาญด้านการเล่นผาดโผน และชอบเล่นกีฬาสุดบ้าเป็นชีวิตจิตใจ โดยครั้งนึงในปี 2008 เขาได้กลับไปอยู่ที่ฟาร์มของเขา และคงรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก เขาจึงเกิดความคิดสุดระห่ำขึ้นมา โดยประยุกต์การขี่ม้าประกอบเข้ากับการเล่นสเก็ตบอร์ดภูเขาเข้าซะเลย ด้วยเหตุนี้เองจึงเกิดกีฬาชนิดใหม่นี้ขึ้นมา ซึ่งอาจจะดูประหลาดๆ ไปหน่อย แต่กีฬาชนิดนี้กลับดังเป็นพลุแตกไปทั่วในชั่วพริบตาในประเทศอังกฤษเลยทีเดียว โดยครั้งแรกที่จัดการแข่งขันสุดยิ่งใหญ่ขึ้น ก็คือปี 2011 ในงาน Britain’s first Horse Boarding Championship และกลายเป็นกีฬาที่มีการจัดการแข่งขันในช่วงฤดูร้อนแทบทุกปีเลยก็ว่าได้
Horse การเล่นม้าพาล่องสเก็ตมีวิธีการเล่นที่เรียบง่ายมากๆ ก็คือผู้เล่นที่ขี่สเก็ตบอร์ดจะถูกลากจูงโดยผู้เล่นที่ขี่ม้าอีกคนหนึ่ง ซึ่งเชือกมีความยาวไม่เกิน 10 เมตร โดยลากจูงไปตามระยะทางที่กำหนดไว้ แต่กีฬาสุดแปลกนี้มันไม่ได้ง่ายๆ อย่างนั้นนะสิ เพราะระหว่างทางมีอุปสรรคมากมายกว่าจะผ่านมันไปได้ก็ต้องเหงื่อตกกันเลยทีเดียว ทั้งทางโค้งคดเคี้ยวมหาโหด ทางกั้นที่ผู้เล่นต้องหลบหลีกให้ทัน คนที่สามารถทำเวลาได้ดีที่สุดก็ถือว่าเป็นฝ่ายชนะไปครับ
เสน่ห์ของการเล่นม้าพาล่องสเก็ต
Horse เหตุผลที่กีฬาม้าพาล่องสเก็ตนี้เป็นที่นิยมในอังกฤษมาอย่างยาวนาน ก็เพราะว่าการแข่งขันของกีฬาสุดแปลกนี้มีความหวาดเสียว และยิ่งดูยิ่งน่าลุ้นเป็นอย่างมาก ใครที่ร่วมชมกีฬาชนิดนี้อยู่ก็คงลุ้นจนตัวเหนียวน่าดูเลยล่ะ เพราะการเล่นของคนขี่สเก็ตบอร์ดต้องมีทักษะการเคลื่อนไหวตัวที่ชำนาญ ผสมผสานกับความเร็วของม้า และทักษะการควบคุมม้าที่เก่งกาจ ทั้ง 3 ปัจจัยต้องอยู่ควบคู่กันไปเสมอ ถ้าอยากชนะไม่จำเป็นต้องขี่ม้าได้ดีเลิศ หรือมีสุดยอดม้าในมือ หรือคนเล่นสเก็ตบอร์ดเคลื่อนไหวได้พลิ้วไหวดั่งสายน้ำเสมอไป สิ่งที่ทำให้ชนะจริงๆ เลย ก็คือความสามัคคีกันของทั้ง 3 ปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นต่างหากล่ะครับ